วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

รัฐสภาไทย

       
รัฐสภาไทย
Seal of the National Assembly of Thailand.png
ประเภทสภาคู่
สภาวุฒิสภาไทย
สภาผู้แทนราษฎรไทย
ประธานรัฐสภาพลเอกธีรเดช มีเพียร(รักษาการเนื่องจากยุบสภา)
รองประธานรัฐสภาสมาชิกวุฒิสภา พลเอกธีรเดช มีเพียร
สมาชิก700 คน
สมาชิกวุฒิสภา 150 คน
ผู้แทนราษฎร 500 คน
สถานที่ประชุมอาคารรัฐสภาไทย เขตดุสิตกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
เว็บไซต์www.parliament.go.th

รัฐสภาแห่งราชอาณาจักรไทย เป็นสถาบันที่พระมหากษัตริย์ไทยพระราชทานอำนาจให้เป็นผู้ออกกฎหมายสำหรับการปกครองและการบริหารประเทศ ซึ่งเรียกว่า อำนาจนิติบัญญัติ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันบัญญัติให้รัฐสภา ประกอบด้วย วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะประชุมร่วมกัน หรือแยกกัน ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ โดยมีประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานรัฐสภา และประธานวุฒิสภา เป็นรองประธานรัฐสภา โดยตำแหน่ง

รัฐสภาของประเทศไทยกำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2475 หลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราวฉบับแรก เมื่อผู้แทนราษฎรจำนวน 70 คนซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากผู้รักษาพระนครฝ่ายทหาร ได้เปิดประชุมสภาขึ้นเป็นครั้งแรก ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม และเมื่อการเลือกตั้งผู้แทนราษฎรทั่วประเทศได้สำเร็จลง พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ได้พระราชทานพระที่นั่งอนันตสมาคมองค์นี้แก่ผู้แทนราษฎรเพื่อใช้เป็นที่ประชุมสืบต่อมา
ต่อมา เมื่อจำนวนสมาชิกรัฐสภาต้องเพิ่มมากขึ้นตามอัตราส่วนของจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น จึงเกิดความจำเป็นที่จะต้องจัดสร้างอาคารรัฐสภาที่มีขนาดใหญ่กว่า เพื่อให้มีที่ประชุมเพียงพอกับจำนวนสมาชิก และมีที่ให้ข้าราชการสำนักงานเลขาธิการรัฐสภาใช้เป็นที่ทำงาน จึงได้มีการวางแผนการจัดสร้างอาคารรัฐสภาขึ้นใหม่ถึง 4 ครั้งด้วยกัน แต่ก็ต้องระงับไปถึง 3 ครั้ง เพราะคณะรัฐมนตรีผู้ดำริต้องพ้นจากตำแหน่งไปเสียก่อน
ในครั้งที่ 4 แผนการจัดสร้างรัฐสภาใหม่ได้ประสบผลสำเร็จ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงยืนยันพระราชประสงค์เดิมที่จะให้ใช้พระที่นั่งอนันตสมาคมและบริเวณ เป็นที่ทำการของรัฐสภาต่อไป และยังได้พระราชทานที่ดินบริเวณทิศเหนือของพระที่นั่งอนันตสมาคม ให้เป็นที่จัดสร้างสำนักงานเลขาธิการรัฐสภาขึ้นใหม่ด้วย
สถานที่ทำการใหม่ของรัฐสภา เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2513 โดยมีกำหนดสร้างเสร็จภายใน 850 วัน ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 51,027,360 บาท ประกอบด้วยอาคารหลัก 3 หลัง คือ
  • หลังที่ 1 เป็นตึก 3 ชั้นใช้เป็นที่ประชุมวุฒิสภา สภาผู้แทนราษฎร และการประชุมร่วมกันของสภาทั้งสอง ส่วนอื่นๆ เป็นที่ทำการของสำนักงานเลขาธิการรัฐสภา ประธาน และรองประธานของสภาทั้งสอง
  • หลังที่ 2 เป็นตึก 7 ชั้น ใช้เป็นสำนักงานเลขาธิการรัฐสภาและโรงพิมพ์รัฐสภา
  • หลังที่ 3 เป็นตึก 2 ชั้นใช้เป็นสโมสรรัฐสภา
สถานที่ทำการใหม่ของรัฐสภา ใช้ในการประชุมรัฐสภาเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2517 สำหรับพระที่นั่งอนันตสมาคม ถือเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ และใช้เป็นที่รับรองอาคันตุกะบุคคลสำคัญ ใช้เป็นสถานที่ประกอบรัฐพิธีเปิดสมัยประชุม รัฐพิธีฉลองวันพระราชทานรัฐธรรมนูญ และมีโครงการใช้ชั้นล่างของพระที่นั่งเป็นจัดสร้างพิพิธภัณฑ์รัฐสภา
จนถึงปัจจุบัน รัฐสภาไทย มีผู้ดำรงตำแหน่ง ประธานรัฐสภา รวม 28 คน ดังนี้
  • 1. เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราญฏร
    • 28 มิถุนายน - 1 กันยายน 2475
    • 15 ธันวาคม 2475 - 26 กุมภาพันธ์ 2476
  • 3. พลเรือตรี พระยาศรยุทธเสนี (พลเรือตรี กระแส ประวาหะนาวิน)
    • ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราญฏร
      • 26 กุมภาพันธ์ 2476 - 22 กันยายน 2477
      • 6 กรกฎาคม 2486 -24 มิถุนายน 2487
    • ประธานรัฐสภา และประธานพฤฒสภา
      • 31 สิงหาคม 2489 - 9 พฤษภาคม 2490
      • 15 พฤษภาคม 2490 - 8 พฤศจิกายน 2490
  • 4. เจ้าพระยาศรีธรรมมาธิเบศ (จิตร ณ สงขลา)
    • ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราญฏร
      • 22 กันยายน 2477 - 15 ธันวาคม 2477
      • 17 ธันวาคม 2477 - 31 กรกฎาคม 2478
      • 7 สิงหาคม 2478 - 31 กรกฎาคม 2479
    • ประธานรัฐสภา และประธานวุฒิสภา
      • 26 พฤศจิกายน 2490 - 18 กุมภาพันธ์ 2491
      • 20 กุมภาพันธ์ 2491 - 14 มิถุนายน 2492
      • 15 มิถุยายน 2492 - 20 พศจิกายน 2493
      • 22 พฤศจิกายน 2493 - 29 พฤศจิกายน 2494
  • 5. พระยามานวราชเสวี (ปลอด วิเชียร ณ สงขลา) ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราญฏร
    • 3 สิงหาคม 2479 - 10 ธันวาคม 2480
    • 10 ธันวาคม 2480 -24 มิถุนายน 2481
    • 28 มิถุยายน 2481 - 10 ธันวามคม 2481
    • 12 ธันวาคม 2481 - 24 มิถุนายน 2482
    • 28 มิถุนายน 2482 - 24 มิถุนายน 2483
    • 1 กรกฎาคม 2483 - 24 มิถุนายน 2484
    • 1 กรกฎาคม 2484 - 24 มิถุนายน 2485
    • 30 มิถุนายน 2485 - 24 มิถุนายน 2586
    • 2 กรกฎาคม 2487 - 24 มิถุนายน 2488
    • 29 มิถุนายน 2488 - 15 ตุลาคม 2488
    • 26 มกราคม 2489 - 9 พฤษภาคม 2489
  • 6. พันตรีวิลาศ โอสถานนท์ ประธานรัฐสภา และประธานพฤฒสภา
    • 4 มิถุนายน 2489 - 24 สิงหาคม 2489
  • 7. พลเอก พระประจนปัจนึก (พุก มหาดิลก) ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราญฏร
    • 1 ธันวาคม 2494 - 17 มีนาคม 2495
    • 22 มีนาคม 2495 - 23 มิถุนายน 2495
    • 28 มิถุนายน 2495 -23 มิถุนายน 2496
    • 2 กรกฎาคม 2496 - 23 มิถุนายน 2497
    • 29 มิถุนายน 2497 - 23 มิถุนายน 2498
    • 2 กรกกาคม 2498 - 23 มิถุนายน 2499
    • 30 มิถุนายน 2499 - 25 กุมภาพันธ์ 2500
    • 16 มีนาคม 2500 - 23 มิถุนายน 2500
    • 28 มิถุนายน 2500 - 16 กันยายน 2500
    • 27 ธันวาคม 2500 - 23 มิถุนายน 2501
    • 25 มิถุนายน 2501 - 20 ตุลาคม 2501
  • 8. พลเอก หลวงสุทธิสารรณกร (สุทธิ์ สุทธิสารรณกร)
    • ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราญฏร
      • 20 กันยายน 2500 - 14 ธันวาคม 2500
    • ประธานรัฐสภา ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ
      • 6 กุมภาพันธ์ 2502 - 17 เมษายน 2511
  • 9. นายทวี บุณยเกตุ ประธานรัฐสภา และประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ
    • 8 พฤษภาคม2511 -20 มิถุนายน 2511
  • 10. พันเอก นายวรการบัญชา (บุญเกิด สุตันตานนท์) ประธานรัฐสภา และประธานวุฒิสภา
    • 22 กรกฎาคม 2511 - 6 กรกฎาคม 2514
    • 7 กรกฎาคม 2514 - 17 พฤศจิกายน 2514
  • 11. พลตรีศิริ สิริโยธิน ประธานรัฐสภา และประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
    • 18 ธันวามคม 2515 - 11 ธันวาคม 2516
  • 13. นายประภาศน์ อวยชัย ประธานรัฐสภา และประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
    • 17 ตุลาคม 2517 - 25 มกราคม 2518
  • 15. นายอุทัย พิมพ์ใจชน ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราญฏร
    • 19 เมษายน 2519 - 6 ตุลาคม 2519
    • 6 กุมภาพันธ์ 2544 - 5 มกราคม 2548
  • 16. พลอากาศเอก กมล เดชะตุงคะ ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่ประธานสภาปฏิรูปการปกครองแผ่นดินและประธานรัฐสภา
    • 22 ตุลาคม 2519 - 20 พฤศจิกายน 2519
  • 17. พลอากาศเอก หะริน หุงสกุล
    • ประธานรัฐสภา และประธานสภาปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน
      • 28 พฤศจิกายน 2519 - 20 ตุลาคม 2520
    • ประธานรัฐสภา และประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
      • 25 พฤศจิกายน 2520 - 22 เมษายน 2522
    • ประธานรัฐสภา และประธานวุฒิสภา
      • 9 พฤษภาคม 2522 - 19 มีนาคม 2526
  • 18. นายจารุบุตร เรืองสุวรรณ ประธานรัฐสภา และประธานวุฒิสภา
    • 26 เมษายน 2526 - 19 มีนาคม 2527
  • 19. ศาสตราจารย์อุกฤษ มงคลนาวิน
    • ประธานรัฐสภา และประธานวุฒิสภา
      • 30 เมษายน 2527 - 30 เมษายน 2528
      • 1 พฤษภาคม 2528 - 23 เมษายน 2530
      • 24 เมษายน 2530 - 22 เมษายน 2532
      • 3 เมษายน 2335 - 26 พฤษภาคม 2535
    • ประธานรัฐสภา และประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
      • 2 เมษายน 2534 - 21 มีนาคม 2535
  • 26. นายโภคิน พลกุล ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฏร
    • 8 มีนาคม 2548 - 24 กุมภาพันธ์ 2549
  • 28. นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฏร
    • 15 พฤษภาคม 2551 - (ปัจจุบัน)


สำหรับรัฐสภาของประเทศไทย กำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2475 และมีการเปิดประชุมสภาขึ้นเป็นครั้งแรก ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม ต่อมาเมื่อจำนวนสมาชิกรัฐสภาต้องเพิ่มมากขึ้นตามอัตราส่วนของจำนวนประชากร ที่เพิ่มขึ้น จึงเกิดความจำเป็นที่จะต้องจัดสร้างอาคารรัฐสภาที่มีขนาดใหญ่กว่า แต่พอมีการวางแผนการจัดสร้างอาคารรัฐสภาขึ้นใหม่ถึง 4 ครั้ง ก็ต้องระงับไป 3 ครั้ง เพราะคณะรัฐมนตรีผู้ดำริต้องพ้นจากตำแหน่งเสียก่อน
ในครั้งที่ 4 แผนการจัดสร้างรัฐสภาใหม่ได้ประสบผลสำเร็จด้วยพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิ ทรงยืนยันพระราชประสงค์เดิมที่จะให้ใช้พระที่นั่งอนันตสมาคมและบริเวณ เป็นที่ทำการของรัฐสภาต่อไป อีกทั้งยังได้พระราชทานที่ดินบริเวณทิศเหนือของพระที่นั่งอนันตสมาคม ให้เป็นที่จัดสร้างสำนักงานเลขาธิการรัฐสภาขึ้นใหม่ด้วย โดยเริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2513 ใช้งบประมาณ 51,027,360 บาท จากนั้นเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 คณะรัฐมนตรีในรัฐบาลนายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช มีมติเห็นชอบอนุมัติงบประมาณเป็นเงิน 12,000 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ บนเนื้อที่ 119 ไร่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) เขตดุสิต และทำการคัดเลือกแบบอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ไปตั้งแต่ปลายปี 2552 แล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 4 สิงหาคม นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฏร แถลงถึงความคืบหน้าในการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ โดยระบุว่าขณะนี้การเตรียมการทุกอย่างดำเนินการไปเกือบ 90% โดยใช้งบประมาณราว 4,000-5,000 ล้านบาท เพื่อชดเชยผู้ที่ได้รับผลกระทบ และตอนนี้อยู่ระหว่างการออกแบบในรายละเอียดพื้นที่ใช้สอยให้ได้ประโยชน์ สูง สุด 3 แสนตารางเมตร ซึ่งคาดว่าจะเสร็จในช่วงปลายปี 2553 และเปิดประมูลได้ในต้นปี 2554 ซึ่งคาดว่าการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่จะแล้วเสร็จ พร้อมเปิดใช้ได้ภายในปี 2556 โดยใช้เวลาก่อสร้าง 900 วัน นับตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง หรืออาจจะเร็วกว่านั้น
ขณะเดียวกัน ก็ระบุว่าการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ได้มีหมายวางศิลาฤกษ์แล้ว โดยคณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบตั้งแต่ปี 2552 สมัยรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช และที่สำคัญได้รับงบประมาณตั้งแต่ปี 2554 และได้รับต่อเนื่องในปี 2555-57 ซึ่งรวมทั้งหมดเป็นงบประมาณกว่าหมื่นล้านบาท จึงเชื่อว่าการก่อสร้างจะเรียบร้อยไม่มีปัญหา ที่สำคัญได้กราบบังคมถวายคืนอาคารรัฐสภาปัจจุบันแล้ว
สำหรับรูปแบบอาคารรัฐสภาแห่งใหม่นั้น เป็นผลงานการออกแบบของกลุ่ม นายธีรพล นิยม ชื่อ “สัปปายะสภาสถาน” โดยคำว่า สัปปายะ แปลว่า สบาย ในทางธรรม หมายถึงสถานที่ประกอบกรรมดี ดังนั้น จึงออกแบบให้สอดคล้องกับแนวคิดซึ่งสะท้อนวัฒนธรรมไทย และนำหลักการสถาปัตยกรรมไทยแบบแผนไตรภูมิตามพุทธคติมาเป็นแรงบันดาลใจออกแบบ ทำให้มีอาคารเครื่องยอดสถาปัตยกรรมไทยอยู่ตรงกลางอาคารหลัก เพื่อชูสัญลักษณ์ความเป็นไทย มีการอันเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากรัฐสภาเก่าไว้บนยอด และใช้แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นจุดเด่น
รวม ถึงมีสนามหญ้าสีเขียวแลดูรื่นรมย์อยู่ด้านหน้า เปิดกว้างปราศจากกำแพงกลางกั้น มีเพียงสายน้ำกั้นกลาง เพื่อเปิดกว้างระหว่างประชาชนกับสมาชิกสภา มีพิพิธภัณฑ์ประชาธิปไตยสุดอลังการอยู่ชั้นบนสุด มีกำแพงแก้ว หรือ พิพิธภัณฑ์ชาติไทย เพื่อให้ประชาชนเรียนรู้ได้ มีโถงรับรอง ส.ส. ส.ว. โถงรัฐพิธี มีห้องพระสุริยัน (ห้องประชุม ส.ส.) ห้องพระจันทรา (ห้องประชุม ส.ว.) และมีลานประชาชน ลานประชาธิปไตยขนาดใหญ่ เพื่อเอาไว้รองรับประชาชนที่ต้องการแสดงออกซึ่งสิทธิตามหลักประชาธิปไตย เป็นต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น